นายพิธากล่าวตอนหนึ่งว่า ทราบดีว่า ส.ว. หลายท่านเผชิญแรงกดดันมากมาย ที่รุนแรงหนักหนาจากการตัดสินใจครั้งนี้ ที่สำคัญที่สุด
ตนขอขอบคุณทุกแรงใจ แรงสนับสนุนจากประชาชนทุกคน แต่ต้องขออภัยทุกท่านที่เรายังทำไม่สำเร็จ
นายพิธากล่าวต่อไปอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงอันดับหนึ่งในการเลือกตั้ง
พรรคก้าวไกลมีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน คือจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ วันนี้พรรคเราพยายามทำทุกวิถีทางตามครรลองประชาธิปไตย
เพื่อให้เสียงของประชาชนได้รับการตอบสนอง เจตนารมณ์ของประชาชนได้รับการเคารพ
นี่คือการต่อสู้ร่วมกันไม่ใช่แค่ของพรรคก้าวไกลและ 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล ไม่ใช่แค่การต่อสู้ของ 8 พรรค
ตัวแทน 27 ล้านเสียง แต่คือการต่อสู้ของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อยืนยันว่าเสียงของประชาชนต้องเป็นเสียงที่กำหนดอนาคตของประเทศนี้
“ขอให้เราเดินด้วยกันต่อไป ตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ แต่เวลาของเราเหลือไม่มาก เพราะผมทราบดีว่าประเทศไทยเดินต่อไป
โดยไม่มีรัฐบาลของประชาชนแบบนี้ได้อีกไม่นาน ภายใต้เวลาอันจำกัดนี้ เราเหลือโอกาสอีกไม่กี่ครั้ง ที่ต้องสู้ร่วมกัน ใน 2 สมรภูมิ
เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนได้สำเร็จ” นายพิธาระบุในคลิปตอนหนึ่ง
ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆผู้ที่จะได้ลงชิงเก้าอี้นายกคนที่ 30 น่าจะตกเป็นของนายศิธา ทิวารี หรือคุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธารนั่นเอง