หลังจากเสร็จสิ้น การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบแรกเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้คะแนน 324
เสียง ไม่ถึง 375 เสียง ไม่ผ่านการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยในรอบแรก และนัดประชุมสภา
อีกครั้งวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งประเด็นร้อนที่คนมุ่งเป้าไป คือการโหวต “งดออกเสียง” ของ ส.ว.กว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่มี ส.ว.เพียง 13 ท่าน ที่โหวตเห็นชอบ ให้นายพิธา เป็นนายก ล่าสุดวันนี้มีรายงานว่า นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิ
การพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.ก้าวไกล ยื่นร่างกฎหมาย แก้ไข ม.272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.
โหวตนายกฯ เวลา 15.00 น. วันนี้ที่รัฐสภา อย่างไรก็ดี มาตรา 272 ในรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ระบุว่า ผู้จะได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ
ต้องมีคะแนนเสียง “มากกว่ากึ่งหนึ่ง” ของจำนวนสมาชิกทั้ง 2 สภา (ส.ส. และ ส.ว.) หรือแปลว่า คนที่จะได้เป็นนายกฯ ต้องได้
อย่างน้อย 376 เสียง จากจำนวนสมาชิกทั้งสองสภา จำนวน 750 คน แต่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบแรกเมื่อวานนี้ (13 กรกฎาคม
2560) ก็แสดงให้เห็นว่า ส.ว. ไม่ทำตามเสีนงของประชาชนส่วนใหญ่ โดยเลือก “งดออกเสียง” เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้มีการ
หยิบยกเรื่อง “การแก้ไขมาตรา 272” เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. กลับมาพูดคุยและถกเถียงกันอีกครั้ง การปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นเรื่องที่หลายกลุ่ม
การเมืองเห็นพ้องกันว่าควรต้องได้รับการแก้ไข เนื่องจากการปล่อยให้ ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสามารถ “ยกมือเลือกนายกฯ” ได้
ไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย โดยมีความพยายามที่จะยื่นข้อเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. ไปแล้วถึง 6 ครั้ง แต่ ส.ว. ก็ไม่เคย
ให้ผ่านเลยสักครั้งเดียว แม้ข้อเสนอดังกล่าวจะได้รับเสียงโหวตเกินครึ่งของรัฐสภาแล้วก็ตาม